Call To Action คืออะไร? มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อขนาดไหนกัน

การที่เราจะส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายนั้น อาจทำได้โดยง่ายแต่ว่าเราต้องเลือกใส่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ได้ผลที่สุด เพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้ากระทำสิ่งใดๆที่คุณต้องการ Call To Action ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจและรู้จักกับมันให้มากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นเพียงวลีหรือประโยคสั้นๆ ที่จะกระตุ้นต่อมความสนใจจากผู้ใช้ และสามารถที่จะจะนำพาไปสู่การตัดสินใจ ของกลุ่มผู้ใช้งานเหล่านั้น

Call To Action คืออะไร?

Call To Action หรือเรียกสั้นๆว่า CTA หมายถึง คำหรือวลีที่ใช้กระตุ้นการตัดสินใจหรือรูปแบบชุดคำสั่งที่เอาไว้ใช้ในแคมเปญการตลาด ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่เข้าใช้งานเว็บไซต์ดำเนินสิ่งต่างๆ ตามที่คุณต้องการได้ ซึ่งอาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการ หรือเป้าหมายของธุรกิจหรือแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแพลตฟอร์มด้วย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเว็บไซต์ รูปภาพหรือวิดิโอบนโซเชียลมีเดีย หรือกระทั่งสื่อออฟไลน์ก็สามารถที่จะใช้ CTA ได้

Call To Action ที่ดีคือแบบไหนกัน?

มาดูกันว่าจะสร้าง Call To Action ที่ดี เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

1.ต้องโดดเด่นและแตกต่าง

ถ้าคุณอยากให้ Call To Action มีความโดดเด่นและแตกต่างจนเตะตาลูกค้านั้น สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกสำหรับการออกแบบปุ่ม CTA คือการเลือกใช้สีที่มีความเด่นชัด อาจะเป็นเทตนิคที่ดูธรรมดาแต่บอกได้เลยว่ามีผลเป็นอย่างมาก จะช่วยให้สะดุดตาและสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรไปถึงเขา

2.เลือกคำสั้น มีความหมายชัดเจน

การที่จะใช้ CTA ที่สั้นกระชับและตรงประเด็นส่วนใหญ่แล้ว มักจะได้ผลดีกว่าการใช้คำพูดที่ดูซับซ้อนเกินไป ฉะนั้นการเลือกใช้คำสั้นและกระชับไม่ใช่เพียงแค่เหมาะแก่การโน้มน้าวในลูกค้าแล้ว ยังสามารถออกแบบดีไซน์ได้อย่างง่ายดายด้วย ทั้งข้อจำกัดของพื้นที่บนเว็บไซต์ พื้นที่รูปโปรโมทหรือแม้แต่จำนวนอักษรในโฆษณา การใช้คำที่สั้นและกระชับนั้นช่วยให้เราออกแบขนาดของ CTA ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

อีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญสำหรับการเลือกใช้คำสำหรับ Call to Action คือ Fear of Missing Out (FOMO) เรียกว่าเป็นเทคนิคกระตุ้นให้รู้สึก ความรู้สึกที่ว่าเสียดายหรือพลาดไม่ได้ ทำให้เกิดความกลัวจนต้องรีบ Action ในทันทีทันใด เช่น ลดทั้งร้าน วันเดียวเท่านั้น , จำนวนจำกัด 100 ท่านแรก ประมาณนี้

3. เด่นชัดในทุกอุปกรณ์

ผู้ใช้ที่เข้าใช้ง่ายผ่านทาง PC นั้นก็มีจำนวนมาก แต่จากสถิติแล้วผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมากนั้น จะเข้าใช้งานผ่านสมร์ทโฟนเป็นหลักซึ่งเป็นอัตราส่วนที่มากกว่า PC ค่อยข้างเยอะเลยทีเดียว ฉะนั้นเราต้องคำนึงขนาดปุ่นทั้งในคอมและมือถือด้วย ควรที่จะเช็คให้ดีว่า Call to Action ของท่านมีการปรับขนาดที่เหมาะสมแล้วหรือยังในอุปกรณ์ต่างๆ และควรที่จะออกแบบปุ่มให้แสดงผลได้อย่างชัดเจน สวยงามในแต่ละแพลตฟอร์ม

4.มี Call To Action สำรอง

การดำเนินตาม CTA ที่คุณต้องการนั้นอาจเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่สำหรับลุกค้าบางคน ตัวอย่างเช่นลูกค้าอาจจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมของสินค้าก่อนจะทำการซื้อ หรือบางคนอาจจะต้องการเห็นตัวอย่างก่อนค่อนตัดสินใจซื้อซื้อ การใส่ Call To Action หลักจึงต้องมาพร้อมกับ CTA สำรองอยู่เสมอ

นอกจากนี้ในหน้าปลายทางของ CTA สำรอง คุณก็ควรใส่ CTA หลักเข้าไปด้วยในตอนท้าย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าอีกครั้ง ในเทคนิคอันนี้จะสามารถช่วยให้คุณโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายให้ดำเนินการตามที่คุณต้องการได้มากเลยทีเดียว เพราะเค้าอาจจะตัดสินใจซื้อทันทีที่อ่านจบ แทนที่จะต้องกดกลับไปยังหน้าก่อนหน้า